เมื่อไม่นานมานี้ บรรดาองค์กรระดับโลกได้ออกมาประกาศหรือส่งสัญญาณว่าจะประยุกษ์ใช้สกุลเงินดิจิตอลอย่าง Bitcoin กันมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น
Fidelity Investments กองทุนยักษ์ใหญ่แห่งวอลสตรีทหนึ่งในบริษัทด้านการลงทุนที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลกได้ประกาศออกกองทุน
Bitcoin ให้กับนักลงทุนเจ้าใหญ่ๆ หรือรายงานจาก Fidelity Digital Assets ที่ระบุว่าบรรดาโซเชียลมีเดียอย่าง
Twitter, Reddit, Telegram, YouTube, หรือ Tik Tok ที่กำลังสนับสนุนให้บรรดาผู้ค้าปลีกมีการทำธุรกรรมโดยใช้สกุลเงินดิจิตอลกันมากขึ้น
ในส่วนบริษัท
Square inc ผู้ให้บริการด้านการเงินรายใหญ่ในสหรัฐฯ ก็ได้มีการเข้าซื้อ
Bitcoin กว่า 4,709 เหรียญ โดยคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 1% ของมูลค่าทรัพย์สินรวมทั้งหมดของทางบริษัทพร้อมออกรายงานที่ระบุว่า
“Square มีความเชื่อมั่นว่าคริปโตเคอร์เรนซี่คือกุญแจสู่การผลักดันเศรษฐกิจ และเป็นเครื่องมือที่สามารถทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงการบริการทางการเงินทั่วโลกได้ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ”
แต่กระแสข่าวที่ทำให้ตลาดนี้ตื่นเต้นมากที่สุดดูเหมือนจะเป็นการที่บริษัท Paypal ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินบนออนไลน์รายใหญ่ระดับโลก ได้ประกาศว่าจะมีการเปิดตัวบริการใหม่ที่สนับสนุนการชำระเงินด้วยคริปโตเคอร์เรนซี่ทั่วโลกภายในปี 2021 นี้ เท่ากับว่าจะมีผู้คนที่สามารถเข้าถึง Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซี่เพิ่มอีกประมาณ 346 ล้านคนทั่วโลกเลยทีเดียว
ทำไม? ราคา Bitcoin ถึงโตขึ้นในช่วงปี 2020
ปัจจัยหลักที่ทำราคา
Bitcoin ขึ้นได้ตลอดปีนี้ นั่นคือมุมมองของตลาดที่มีต่อ
Bitcoin ว่าเป็น
สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-haven) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนเลือกถือครองในช่วงที่เกิด
วิกฤติเศรษฐกิจ โดยจะเห็นได้ว่านับตั้งแต่ต้นปี 2020 ได้เกิดเหตุการณ์ที่สั่นคลอนเศรษฐกิจโลกมาโดยตลอดอันได้แก่
1.สงครามการค้าระหว่างจีน - สหรัฐฯ
ราคา
Bitcoin เทียบกับเงินบาทไทยบนกระดานเทรดเปิดตลาดในเดือนมกราคมปี 2020 ที่ระดับ 215,900 บาท ก่อนที่ราคาจะผันผวนตามปริมาณอุปสงค์-อุปทานในตลาดโลก ประกอบกับประเด็นสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย รวมทั้งการประกาศลดดอกเบี้ยของ Federal Reserve (FED) หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ จนราคาลงมาทำระดับต่ำสุดของปีที่ 145,000 บาท
2. วิกฤตไวรัส COVID-19
หลังจากนั้นในเดือนมีนาคม ที่ทั่วโลกเริ่มมีความกังวลกับสถานการณ์ COVID-19 ที่เลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง จนหลายประเทศจำเป็นต้องปิดประเทศเพื่อควบคุมโรค ตลาดจึงเริ่มเข้าหา
Bitcoin ที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จึงทำให้ราคา
Bitcoin ปรับขึ้นกลับมาได้อีกครั้ง
3. การเกิด Bitcoin Halving ครั้งที่ 3
พอมาถึงเดือนพฤษภาคมได้เกิดปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ครั้งที่ 3 ซึ่งจะปรากฏการณ์ที่รางวัลในการขุดเหรียญ
Bitcoin ถูกปรับลดลงครึ่งหนึ่ง โดยครั้งนี้ได้ปรับลงจาก 12.5 เหรียญ เหลือเพียง 6.25 เหรียญ โดยปรากฏการณ์ Halving จะเกิดขึ้นในทุกๆครั้งที่มีบล็อกเชนใหม่เกิดขึ้น 210,000 บล็อก หรือคิดเป็นเวลาประมาณ 4 ปี
4. Paypal ประกาศสนับสนุน Bitcoin
ถัดมาในเดือนตุลาคม
Paypal ได้ประกาศบริการใหม่ที่สนับสนุนการชำระเงินด้วย
Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซี่โดย
วางแผนเปิดตัวในปี 2021 ราคา
Bitcoin ก็ได้ปรับขึ้นอีกครั้ง
5. การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ล่าสุดคือในเดือนพฤศจิกายน ที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯซึ่งนายโจ ไบเดน ได้รับชัยชนะ ซึ่งตลาดก็มีมุมมองว่านายไบเดน น่าจะให้การสนับสนุนคริปโตเคอร์เรนซี่ดีกว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นั่นจึงทำให้ราคา
Bitcoin ปรับขึ้นต่อ และทำจุดสูงสุดไปที่ระดับ 554,000 บาท ล่าสุดยังค่อนข้างทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดดังกล่าว
สรุป สาเหตุที่ทำให้ราคา
Bitcoin ปีนี้ปรับขึ้นมาได้สูงมาก เป็นเพราะตลาดมอง
Bitcoin เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญวิกฤติและความไม่แน่นอนมาตลอดทั้งปี ประกอบกับการที่บริษัทรายใหญ่หลายรายเริ่มหันมาให้การสนับสนุน
Bitcoin มากขึ้น จนทำให้นักลงทุนเหรียญคริปโตรายย่อยอย่างเราๆได้อานิสงส์นี้ไปด้วย ขอให้เพื่อนๆโชตดีและสนุกไปกับการเทรดครับ