BINANCE ทำการเบิร์นเหรียญคริปโต BNB ทิ้งเป็นรอบที่ 14 เพื่อเพิ่มมูลค่าในอนาคต
ซึ่งการเบิร์นเหรียญในทุกๆครั้งจะส่งผลให้จำนวนของเหรียญ BNB ทั้งหมดในระบบให้มีจำนวนน้อยลง และเมื่ออุปทาน (Supply) ลดลง ราคาก็อาจจะพุ่งทะยานสูงขึ้นในอนาคต ซึ่งหลักการจะเหมือนกับ Halving ของเหรียญ Bitcoin
อ่านเพิ่มเติม ► BITCOIN HALVING คืออะไร? นี่แหละสาเหตุที่ทำให้ BITCOIN มูลค่าสูงแบบก้าวกระโดด
นาย Changpeng Zhao ผู้ร่วมก่อตั้งและเป็น CEO บ. BINANCE |
โดยเอกสาร Whitepaper (เป็นเอกสารที่เปรียบเสมือนเครื่องมือในการสื่อสารจากเจ้าของโปรเจ็ค หรือเทคโนโลยีหนึ่ง ไปสู่ผู้ใช้งานหรือผู้อ่าน) ของ BINANCE นั้นระบุไว้ว่า
“ในทุกๆไตรมาสเราจะใช้กำไรของบริษัท 20% ในการซื้อเหรียญ BNB คืนและเผาทำลายมันทิ้ง ซึ่งกระบวนนี้จะเกิดขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าพวกเขาจะทำการซื้อคืนเหรียญได้กว่า 50% ของจำนวนอุปทานเหรียญ BNB ที่มีอยู่ทั้งหมด หรือคิดเป็นประมาณ 100 ล้านล้านเหรียญ BNB ทุกๆการซื้อคืน จะปรากฏธุรกรรมบนระบบ Blockchain และเราจะเบิร์นทำลาย BNB ไปเรื่อย ๆ จนกว่าเหรียญ BNB จะเหลือเพียง 100 ล้าน BNB”
ซึ่งทาง BINANCE ได้กำหนดนโยบายไว้ว่าจะใช้เวลาทั้งหมด 27 ปีในการบรรลุเป้าหมายในการเบิร์น เหรียญ BNB ลงครึ่งหนึ่งและทำให้อุปทานทั้งหมดลดลงเหลือแค่ 100 ล้าน BNB
แต่เดิมทีแรกเริ่มนั้นทาง BINANCE ได้ประกาศแผนการที่จะเบิร์นเหรียญทั้งหมดในเดือนกรกฎาคม ปี 2019 ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ว่า BINANCE มีเป้าหมายที่จะเพิ่มอรรถประโยชน์ให้กับเหรียญ BNB ไม่ใช่แค่ผลกำไรจากการเก็งกำไรเท่านั้น แต่แล้วการเบิร์นเหรียญ BNB ในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นหลังราคา BNB พุ่งทำสถิติจุดสูงสุดใหม่ที่ราคาประมาณ 1,400 บาท หรือ $46.90 ซึ่งเป็นหนึ่งวันก่อนการเบิร์นเหรียญ